การฝังเข็ม

     การฝังเข็ม (จีน: อังกฤษ: Acupuncture) เป็นการแพทย์ทางเลือกแขนงหนึ่ง โดยการฝังเข็มเข้าไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย การฝังเข็มเป็นการใช้เข็มปักลงไปตามจุดต่างๆบนร่างกายของทั้งมนุษย์และสัตว์ ตามจุดสำคัญๆที่มีการบันทึกไว้ตั้งแต่โบราณมาแล้วว่า มีความสำคัญและสัมพันธ์กับอวัยวะต่างๆในร่างกาย จุดฝังเข็มบนร่างกายมนุษย์มีอยู่หลายร้อยจุด แต่จุดที่มีการบันทึกไว้อย่างชัดเจน ในเอกสารตำราแพทย์จีนโบราณและในเอกสารอ้างอิง ขององค์การอนามัยโลก (WHO) จะมีอยู่จำนวน 349 จุด บนเส้นลมปราณ (meridian) หลักๆ 12 เส้นหลักและอีก 2 เส้นรอง จำนวนเส้นลมปราณในร่างกายแต่ละข้าง (ขวา-ซ้าย) มี 12 เส้น โดยแบ่งเป็นส่วนของแขน 6 เส้น และส่วนของขาอีก 6 เส้น (ส่วนอีก 2 เส้นรองจะอยู่ตรงกลางหลังและตรงกลางหน้าท้อง) ในส่วนของแขน 6 เส้น ก็จะจับคู่กันเองเป็น 3 คู่ เช่นเดียวกับขาก็จะจับคู่กันเองเป็น 3 คู่ แต่ละเส้นจะมีชื่อเรียกและหน้าที่ของมันอย่างชัดเจน ขอยกตัวอย่าง 2 เส้นใน 6 เส้นบนแขน เส้นของปอดและ ลำไส้ใหญ่ โดยเส้นของปอดจะสิ้นสุดที่ข้างหัวนิ้วโป้ง ส่วนเส้นของลำไส้ใหญ่ จะเริ่มบริเวณด้านข้างปลายนิ้วชี้ทั้ง2เส้น นี้คือเส้นของปอดและลำไส้ใหญ่จะ สัมพันธ์กันแบบภายนอกและภายใน เป็นแบบ External & Internal relationship เส้นของปอดมีชื่อเรียกว่า เส้นไท่อินปอด (Taiyin lung meridian) เส้นของลำไส้ใหญ่มีชื่อเรียกว่า เส้นหยางหมิงลำไส้ใหญ่ (Yangming large intestine meridian)

     ในเส้นลมปราณแต่ละเส้น จะมีจุดฝังเข็ม (Acupunture points) หลายจุดจำนวนแตกต่างกันไปมากบ้าง น้อยบ้าง เช่น บนเส้นไท่อินปอดจะมีอยู่ 11 จุด บนเส้นหยางหมิงลำไส้ใหญ่จะ มีอยู่ 20 จุด แต่ละจุดก็จะมีชื่อเรียกของตัวเองทุกจุดชื่อของจุดจะแตกต่าง กันออกไป และทุกชื่อก็จะมีความหมายของตัวเอง ชื่อทั้งหมดเป็นชื่อในภาษาจีนกลาง เช่นจุดที่บริเวณด้านข้าง ปลายนิ้วโป้งของเส้นไท่อินปอด มี ชื่อเรียกว่า จุดเซ่าซาง (Shao Shang) หรือจุดแรกของเส้นหยางหมิงลำไส้ใหญ่ ที่ปลายนิ้วชี้ด้านข้างมีชื่อว่าจุดซางหยาง (Shang Yang) สำหรับคนต่างชาติการจะไปจำชื่อจุด ฝังเข็มนับร้อยจุดเป็นชื่อจีนกลางเป็นเรื่องยาก ทางองค์การอนามัยโลกจึงกำหนดรหัสขึ้นมาแทนชื่อจุดเหล่านั้น เช่นจุดเซ่าซางมีรหัสเป็น LU-11 จุดซางหยางมีรหัสเป็น LI-1 เป็นต้น

การฝังเข็มรักษาโรคทั่วไป

  1. กลุ่มอาการปวดต่างๆเช่นปวดหลัง ปวดคอ ปวดไหล่ ปวดเข่า ปวดไมเกรน ปวดศีรษะ ปวดประจำเดือน
  2. อัมพฤกษ์ อัมพาต
  3. โรคทางหู เช่น มีเสียงดังผิดปกติในหูหูดับ
  4. โรคภูมิแพ้ หวัดเรื้อรัง และหอบหืด
  5. โรคเครียดนอนไม่หลับ วิตกกังวล ซึมเศร้า
  6. โรคทางผิวหนัง เช่น สิว ฝ้า ผมร่วงงูสวัด ผื่นต่างๆ
  7. โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน
  8. โรคระบบทางเดินอาหารและลำไส้ เช่น ท้องผูก ท้องเดิน ริดสีดวงทวาร สะอึกปวดท้องเรื้อรัง
  9. โรคความดันโลหิตสูงและความดันโลหิตต่ำ
  10. โรคเบาหวาน
  11. ลดความอ้วนและเพิ่มน้ำหนักในคนผอม
  12. ยาเสพติด เช่น สุรา บุหรี่ยาเสพติด
  13. เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ วัยทองทั้งหญิงและชาย

โรคที่สามารถรักษาด้วยการฝังเข็ม

1. การรักษาที่ได้ผลเด่นชัด
อาการปวด 
ปวดต้นคอเรื้อรัง หัวไหล่ ข้อศอก สันหลังปวดเอว ปวดหัวเข่า ปวดจากโรครูมาตอยด์ ปวดจากการเคล็ดขัดยอก ปวดประจำเดือนปวดนิ่วในถุงน้ำดี ปวดศีรษะ มีสาเหตุมาจากความเครียด หรือก่อนการมีประจำเดือนปวดเนื่องจากสาเหตุต่างๆ ปวดในระบบทางเดินปัสสาวะ ปวดเส้นประสาทหรือปวดเส้นประสาทบนใบหน้า ปวดหลัง การผ่าตัด ปวดไมเกรน อาการซึมเศร้า

โรคอาการทั่วไปอัมพฤกษ์และผลข้างเคียงหลังจากป่วยด้วยโรคทางสมอง ความดันโลหิตสูงหรือต่ำ งูสวัดเม็ดเลือดขาวน้อยกว่าปกติ สมรรถภาพทางเพศถดถอย ภูมิแพ้ หอบหืด หวาดวิตกกังวลนอนไม่หลับ ขากรรไกรค้าง แพ้ท้อง คลื่นไส้รอาเจียน การเลิกเหล้าบุหรี่ยาเสพติด


2. การรักษาที่ให้ผลดี
อาการเจ็บเฉียบพลันหรือเรื้อรังในลำคอ (ต่อมทอนซิล) อาการวิงเวียนศีรษะสาเหตุจากน้ำในช่องหู สายตาสั้นในเด็กเด็กในครรภ์มารดาอยู่ในท่าขวาง (ทำให้คลอดยาก)อาการผิดปกติของลำไส้เมื่อเกิดความเครียด


3. 
การรักษาที่ได้ผลท้องผูก ท้องเดิน การมีบุตรยากที่มีสาเหตุจากทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย กระเพาะอาหารเลื่อนต่ำ เรอบ่อยปัสสาวะไม่รู้ตัว ไม่คล่อง ไซนัสอักเสบ หญิงหลังคลอดมีน้ำนมไม่พอ
เมื่อเดือนมิถุนายนพ.ศ.2522 องค์การอนามัยโลก ได้จัดให้มีการประชุมสัมมนาเรื่องการฝังเข็ม” ขึ้นที่นครปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจำนวน 15 คนจาก 12 ประเทศ ที่ประชุมได้ข้อสรุปว่าโรคที่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีฝังเข็มได้แก่

  1. กลุ่มอาการปวดต่างๆ เช่นปวดหลัง ปวดคอ ปวดไหล่ ปวดเข่า ปวดไมเกรน ปวดศีรษะ ปวดประจำเดือน
  2. อัมพฤกษ์ อัมพาต
  3. โรคทางหู เช่น มีเสียงดังผิดปกติในหูหูดับ
  4. โรคภูมิแพ้ หวัดเรื้อรัง และหอบหืด
  5. โรคเครียดนอนไม่หลับ วิตกกังวล ซึมเศร้า
  6. โรคทางผิวหนัง เช่น สิว ฝ้า ผมร่วงงูสวัด ผื่นต่างๆ
  7. โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน
  8. โรคระบบทางเดินอาหารและลำไส้ เช่น ท้องผูก ท้องเดิน ริดสีดวงทวาร สะอึกปวดท้องเรื้อรัง
  9. โรคความดันโลหิตสูงและความดันโลหิตต่ำ
  10. โรคเบาหวาน
  11. ลดความอ้วนและเพิ่มน้ำหนักในคนผอม
  12. เลิกยาเสพติด เช่น สุรา บุหรี่ยาเสพติด
  13. เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ วัยทองทั้งหญิงและชาย

ชนิดการรักษาในหน่วยเวชศาสตร์แผนจีน

  1. การฝังเข็มร่างกาย (Body Acupuncture)
  2. การฝังเข็มที่ศีรษะ (Scalp Acupuncture)
  3. การฝังร่วมกับการกระตุ้นไฟฟ้า (Electro Acupuncture)
  4. การฝังเข็มหรือ Magnetic Ball บนใบหู (Ear Acupuncture)
  5. การเคาะกระตุ้นผิวหนัง (Cutaneous Needle)
  6. การเจาะปล่อยเลือด (Blood Letting)
  7. การครอบแก้ว (Cupping)
  8. การรมยา (Moxibusion)

 

การกระตุ้นด้วยไฟฟ้า

หลังจากที่ฝังเข็มแล้วใช้สายไฟเชื่อมต่อกับเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าชนิดพิเศษโดยเฉพาะ เป็นกระแสไฟฟ้าตรงประมาณ 9 โวลท์ จึงไม่สามารถทำให้เกิดไฟดูดได้ แต่จะรู้สึกกระตุ้นที่กล้ามเนื้อเป็นจังหวะแรงพอทนได้ ทำให้เข็มกระดิก เป็นจังหวะตามกระแสไฟฟ้าและไม่ทำให้เจ็บปวดจนทนไม่ได้

ข้อห้ามในการฝังเข็ม

  1. ขณะตั้งครรภ์ยังไม่ครบกำหนด
  2. โรคเลือดหรือมีความผิดปกติของระบบแข็งตัวของเลือด
  3. โรคเร่งด่วนที่ต้องการการรักษาโดยการผ่าตัดอย่างแน่นอน
  4. โรคมะเร็งที่ยังไม่ได้ปรึกษาแพทย์

 

ข้อควรทราบเกี่ยวกับการรับบริการฝังเข็ม

ก่อนฝังเข็ม

  1. รับประทานอาหารตามปกติก่อนฝังเข็มเสมอ เพราะถ้าฝังเข็มในขณะอ่อนเพลียหรือท้องว่างจะมีโอกาส
    เสี่ยงต่อการเป็นลมได้ง่าย
  2. สวมเสื้อผ้าที่ไม่รัดแน่นควรเป็นเสื้อแขนสั้นหรือกางเกงที่สามารถรูดขึ้นเหนือเข่าได้สะดวก

ขณะฝังเข็ม

  1. การอยู่ในลักษณะผ่อนคลายจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบบลมปราณและปรับสมดุลย์ร่างกาย
  2. ถ้ามีความรู้สึกผิดปกติ เช่น มีอาการหน้ามืดเป็นลมต้องแจ้งแพทย์ทราบทันที


หลังการฝังเข็ม

  1. ไม่ควรขับขี่ยวดยานพาหนะทันทีหลังการฝังเข็มเพราะอาจเกิดการง่วงนอน
  2. อาจมีอาการปวดร้าว เจ็บ หรือรอยช้ำ บริเวณที่ฝังเข็ม แต่อาการเหล่านี้จะหายได้เองใน 1-2 สัปดาห์


ระยะเวลาในการรักษา

โดยปกติความถี่ในการรักษาขึ้นอยู่กับลักษณะต่างๆของโรคที่มารับการรักษา โดยทั่วไปประมาณสัปดาห์ละ 1-2ครั้ง 
และต่อเนื่องกันอย่างน้อย 10 ครั้ง แล้วแต่การพิจารณาของแพทย์โรคเรื้อรังอาจต้องใช้ระยะเวลานานขึ้นในการรักษาแต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที