ปวดศีรษะ ไมเกรน (HEADACHE & MIGRAINE)

อาการปวดศีรษะ ไมเกรน

อาการปวดศีรษะไมเกรน มักจะมีอาการปวดศีรษะบริเวณขมับ อาจจะปวดข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ และมักจะปวดซ้ำๆแบบเดิมเสมอ เหมือนเป็นโรคประจำตัว อาการปวดเป็นได้หลายๆแบบ เช่น อาจมีอาการปวดศีรษะร่วมกับอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือ ปวดตุ๊บๆออกเบ้าตา ออกขมับ อาจจะเป็นแค่ไม่กี่นาที หรือนานหลายชั่วโมง หรือ เป็นวัน ความรุนแรงก็มีตั้งแต่ พอทนได้ หรือได้รับการพักผ่อนก็ดีขึ้น บางรายก็อาจจะต้องพึ่งยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการ บางรายก็มีอาการมาก ต้องถึงกับนอนโรงพยาบาลก็มี ในปัจจุบันเข้าใจว่า อาการปวดศีรษะไมเกรนเกิดจากความผิดปกติของระบบประสาทที่หลอดเลือดแดงในสมอง คือมีการหดตัวหรือขยายตัวที่ผิดปกติ มักเกิดในวัยอายุประมาณ25-45 ปี และผู้หญิงเป็นมากผู้ชายถึง3เท่า

ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดอาการ

  • สภาวะแวดล้อม : แสงแดดจร้า แสงจากเครื่องคอมพิวเตอร์ TAPLET หรือโทรศัพท์มือถือ ที่ใช้งานเป็นเวลานานๆ ฝุ่นละออง ควัน กลิ่นฉุน กลิ่นบุหรี่
  • ฮอร์โมน : ในช่วงก่อนมีประจำเดือน หรือช่วงมีประจำเดือน อาจเกิดอาการไมเกรนปวดศีรษะได้
  • อาหาร : อาหารบางชนิด ทำให้เกิดอาการไมเกรนได้ เช่น ช็อคโกแลต ผงชูรส น้ำตาลเทียม ชา กาแฟ
  • ยา : ยาเม็ดคุมกำเนิด
  • การนอนหลับ : การนอนหลับไม่สนิท นอนไม่พอ นอนดึก
  • อารมณ์ : ความเครียด ความโกรธ เสียใจ เศร้าใจ
  • ท้องผูก : อาการผิดปกติทางการขับถ่าย หรือระบบการย่อยอาหาร ท้องอืดแน่นท้องเฟ้อ มีลมมาก

 การรักษาอาการปวดศีรษะไมเกรน แบบแผนปัจจุบัน

1.ตรวจหาสาเหตุทางกายภาพ

  โดยทั่วไปแล้ว จำเป็นต้องมีการตรวจวินิจฉัยแยกโรคก่อนว่า อาการปวดศีรษะ ไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของสมองหรืออื่นๆ เช่น เนื้องอกในสมอง, เส้นเลือดในสมองอุดตัน, ความดันโลหิตสูง เป็นต้น ซึ่งมีทั้งการตรวจเลือด เอ็กซเรย์ ตรวจคลื่นสนามแม่เหล็ก MRI (Magnetic Resonance Imaging ) ตรวจคอมพิวเตอร์คลื่นสมอง (CT SCAN ) ฯลฯ

2.การรักษาด้วยยา

โดยทั่วไปกรณีที่มีอาการปวดมากๆ แพทย์ก็มักจะสั่งยาแก้ปวด ชนิดต่างๆ เพื่อเบาเทาอาการปวด เช่น PARACETAMOL, ERGOTAMINE & CAFFEINE ฯลฯ

3.หลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆ

ดังที่กล่าวมาแล้ว ปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการปวดไมเกรนแตกต่างกัน ในแต่ละคน ดังนั้นจึงควรหมั่นสังเกตุตัวเอง ว่ามีปัจจัยใดบ้างที่กระตุ้นให้เกิดอาการ และควรหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด

การรักษาอาการปวดศีรษะไมเกรน แบบแผนจีน

การวินิจฉัยอาการปวดศีรษะตามศาสตร์การแพทย์แผนจีน แบ่งออกได้เป็น 2 แบบ

  1. เกิดจากปัจจัยภายนอกร่างกาย

เกิดจากการที่ร่างกายกระทบกับสภาวะแวดล้อมภายนอก แล้วทำให้เกิดความผิดปกติ เสียสมดุลของระบบเลือดลมและชี่ภายในร่างกาย เช่น ตากแดดตากลม ถูกแสงจร้า เพ่งสายตาที่จอคอมพิวเตอร์นานเกินไป ตราตรำทำงานหนัก นอนไม่หลับ เป็นต้น

  1. เกิดจากปัจจัยภายในร่างกาย

เกิดจากความผิดปกติภายในเส้นลมปราณเส้นต่างๆ

เส้นลมปราณถุงน้ำดี(เส้าหยาง) : จะเกิดอาการปวดศีรษะบริเวณขมับ ด้านข้างศีรษะ

เส้นลมปราณกระเพาะปัสสาวะ(ไท่หยาง) : จะเกิดอาการปวดศีรษะบริเวณท้ายทอย

เส้นลมปราณกระเพาะอาหาร (หยางหมิง) : จะเกิดอาการปวดศีรษะบริเวณหน้าผาก คิ้ว ดั้งจมูก

เส้นลมปราณตับ(เจ๋วอิน) : จะเกิดอาการปวดศีรษะบริเวณตรงกลางศีรษะ หรือกระหม่อม

การฝังเข็ม

การฝังเข็มรักษาอาการปวดศีรษะ ไมเกรนได้ผลดี อาการปวดสามารถทุเลาหรือหายขาดได้ ตามศาสตร์การแพทย์แผนจีน จะเกี่ยวข้องกับสมดุลของพลังชี่ ที่ไหลเวียนภายในเส้นลมปราณ เมื่อเกิดการเสียสมดุลหรือชี่ติดขัด เลือดคั่ง ก็จะทำให้เกิดการปวด การฝังเข็มก็เป็นการรักษาแขนงหนึ่งที่ช่วยปรับสมดุลของเลือดและพลังต่างๆ ทำให้ร่างกายกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้

การรักษาอาการปวดศีรษะไมเกรน แบบแผนไทย

ไมเกรนหรืออาการปวดหัว ตามหลักการแพทย์แผนไทย มีสาเหตุหนึ่งมาจากลม โดยเฉพาะลมกองละเอียด หรือลมตีขึ้นเบื้องบน การรับประทานยาหอมซึ่งมีรสสุขุม ช่วยขับลมกองละเอียดเหล่านี้ได้ เช่นยาหอมเทพจิตร ยาหอมนวโกฐ ฯลฯ ช่วยป้องกันและรักษาอาการปวดหัวได้ (เนื่องจากยาหอมมีมากมายหลายชนิด แต่ละชนิดอาจเหมาะสมกับแต่ละคนแตกต่างกัน ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญก่อนรับประทาน)

อย่างไรก็ตาม การรักษาภาวะไมเกรนนั้น มักจะต้องใช้การรักษาหลายๆวิธีร่วมกัน รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆที่ก่อให้เกิดโรคหรือทำให้ร่างกายเสียสมดุล มากกว่าที่จะพึ่งการใช้ยาแต่เพียงอย่างเดียว