คนเราไม่จำเป็นต้องป่วย

คนเราไม่จำเป็นต้องป่วย ?  พญ.ธมนต์พร ชัยศิริรัตน์ หลายคนเข้าใจว่าเกิดมาทุกคนต้องป่วย ในปีๆหนึ่งก็จะมีคนบอกว่าฉันต้องเป็นหวัดทุกปี ปีละ2ครั้ง หน้าหนาวผมต้องเป็นผื่น หน้าร้อนฉันต้องเป็นสิว ในความเป็นจริงแล้วมีคนศึกษาและพิสูจน์มากมายว่าคนเราไม่จำเป็นต้องป่วย ร่างกายของเราสามารถเยียวยารักษาตัวเองได้ เช่นถูกมีดบาด ยาอะไรทำให้แผลติดกัน ความจริงแล้วไม่จำเป็นต้องใช้ยา ถ้าเราดูแลแผลไม่ให้ติดเชื้อหรือเชื้อโรคเข้าไปได้ ไม่เกิน7วันแผลก็ติดกันได้เอง คุณว่าจริงมั้ย ทิงเจอร์ ยาใส่แผล หรือแม้กระทั่งไหมเย็บก็ไม่ใช่ตัวการสำคัญที่ทำให้แผลติด งั้นเราลองหันกลับมาดูตัวเองกันบ้างว่าที่เราป่วย มันเป็นเพราะอะไรกันแน่ โดยส่วนตัวของผู้เขียนเป็นหมอแผนปัจจุบัน หลังจากจบแพทย์แล้วก็ทำงานในคลินิคของตนเอง ในขณะที่เพื่อนๆส่วนใหญ่เรียนต่อเพื่อเป็นแพทย์เฉพาะทาง ส่วนเหตุผลของตัวเองที่ไม่เรียนต่อเพราะไม่รู้จะเป็นหมออะไรเพราะจบมาก็เป็นหมอแล้วส่วนเหตุผลสำคัญที่ไม่ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลก็เพราะอดนอนไม่ได้ หมอส่วนใหญ่ที่อยู่ในรพ.ไม่ว่าของรัฐหรือเอกชน มีความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งคืออดนอนได้ ไม่ต้องนอนก็ทำงานได้ แต่เราทำไม่ได้ ก็เลยต้องมารักษาคนไข้ในคลินิกซึ่งกำหนดเวลาเปิดปิดได้เอง ทำงานเหมือนคนอื่นๆเค้า ที่เย็นก็กลับบ้าน ทานข้าวกับครอบ

เคล็ดลับ 12 ข้อ จากแพทย์จีน

    1. หวีผมบ่อยๆ หวีผมเบาๆ บ่อยหน่อยช่วยให้ตาสว่าง และรากผมแข็งแรง (ใช้หวีซี่ห่างหน่อย แปรงเบาหน่อย เพื่อกันผมหลุด)   2. ถูใบหน้าบ่อยๆ ล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ให้สะอาดก่อน หลังจากนั้นใช้ฝ่ามือ 2 ข้างถู หน้าเบาๆ บ่อยหน่อยเพื่อกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ใบหน้าเปล่งปลั่ง   3. เคลื่อนไหวดวงตาบ่อยๆ ให้มองไกล-มองใกล้ มองข้างนอก-ข้างใน มองบน-มองล่าง หลีกเลี่ยงการมอง หรือจ้อง อะไรนานๆ โดยเฉพาะคนที่ทำงานคอมพิวเตอร์ควรพักสายตาด้วยการมองไกลอย่างน้อยทุกชั่วโมง   4. กระตุ้นใบหูบ่อยๆ การดึงหู ดีดหู บีบหู ถูใบหูเบาๆ บ่อยหน่อย ช่วยบำรุงตานเถียน (จุดฝังเข็ม) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เก็บพลังงานของร่างกาย (ใต้สะดือ) สัมพันธ์กับไต ซึ่งเปิดทวารที่หู ทำให้แรงดี ป้องกันเสียงดังในหู หูตึง และอาการเวียนหัว   5. ขบฟันบ่อยๆ ขบฟันเบาๆ บ่อยหน่อย (ไม่ใช่ขบแรงดังกรอดๆ) ช่วยให้ฟันแข็งแรง และกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อย   6. ใช้ลิ้นดุนเพดานปากบ่อยๆ การใช้ปลายลิ้น กระตุ้นเพดานบนด้านหน้าเป็นการกระตุ้นจุดฝังเข็ม เพื่อเชื่อมพลัง ลมปราณตู๋และเยิ่น ซึ่งเป็นเส้นควบคุมแนวกลางลำตัวส่วนหลัง และส่วนหน้าร่างก

คีโม กับ มะเร็ง

  เรื่องจริงที่ หมอ ไม่ได้บอก…(คีโม กับ มะเร็ง) คีโมกับมะเร็งและการดำรงชีวิต  หลังจากหลายปีที่พูดกันว่าการทำคีโมเป็นทาง เลือกเดียวที่จะลอง และใช้ในการกำจัดโรค มะเร็งในที่สุดโรงพยาบาลจอห์น ฮอพกินส์ก็ เริ่มแนะนำถึงทางเลือกอื่นๆอีก ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับโรคมะเร็งจาก รพ.จอห์น ฮอพกินส์   1. ทุกๆคนมีเซลมะเร็งอยู่ในร่างกาย เซล มะเร็งเหล่านี้จะไม่ปรากฎด้วยวิธีการตรวจ สอบตามมาตรฐานจนกระทั่งมันขยายตัวเพิ่ม ขึ้นในระดับพันล้านเซล(1,000,000,000 เซล เมื่อแพทย์บอกว่าไม่มีเซลมะเร็งในร่างกายผู้ ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับการรักษาแล้วมันหมาย ถึงว่าระบบไม่สามารถตรวจสอบเซลมะเร็งได้ เพราะว่าจำนวนของมันยังไม่มากพอ จนถึง ระดับที่สามารถตรวจจับได้เท่านั้น 2. เซลมะเร็งเกิดขึ้นระหว่าง6 ถึงมากกว่า 10 ครั้งในช่วงอายุของคนๆหนึ่ง   3. เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรง เพียงพอ เซลมะเร็งจะถูกทำลายและป้องกันไ ม่ให้เกิดการขยายตัวและกลายเป็นเนื้องอก   4. เมื่อใครก็ตามเป็นมะเร็งมันกำลังบอกว่าค นๆนั้นมีความบกพ

ไมเกรน…รักษาได้

โรคยอดฮิตของคนสมัยนี้ “ไมเกรน”กลายเป็นคำฮิตติดชาร์คไปแล้ว อาการปวดหัวมีหลายรูปแบบ แต่ที่พบบ่อยๆคือหาสาเหตุไม่ได้ เลยเหมารวมๆเอาว่าเป็น”ไมเกรน” ยาแก้ไมเกรนเลยขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แต่เอาเข้าจริงๆอาจแค่ระงับอาการปวดเท่านั้น แล้วอาการก็กำเริบขึ้นมาอีก วนเวียนต่อเนื่องจนกลายเป็นโรคประจำตัว อาการไมเกรนโดยทั่วไปแล้ว อาการไมเกรนในแต่ละคนจะมีความรุนแรงแตกต่างกันไป บางคนก็มีอาการนำมาก่อนเช่น คลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว ร่วมกับอาการบางอย่างเช่นมีประจำเดือน อดนอน เครียด อากาศร้อน แสงจ้าอื่นๆ อาการมักปวดตื้อๆหรือตุ๊บๆบริเวณขมับหรือท้ายทอย อาจรวมไปที่กระบอกตา มักเป็นข้างใดข้างหนึ่ง แต่บางคนอาจเป็นทั้งสองข้าง โดยทั่วไปเมื่อเกิดอาการแล้ว มักจะกินยาแก้ปวด ยารักษาไมเกรน แต่มักไม่หายขาด การรักษาแบบองค์รวม ถ้าอาการปวดหัวหรือไมเกรน พิสูจน์เบื้องต้นได้ว่าไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของสมอง เนื้องอกหรือภาวะแรงดันในสมองเพิ่มมากขึ้นหรือความดันโลหิตสูง หรือความผิดปกติจากโรคอื่นๆ ลองหันมารักษาแบบองค์รวมดูบ้าง อาจทำให้อาการปวดหัวทุเลาลงหรือหายไปได้ วิธีรักษาอาการปวดหัวหรือไมเกรน 1.การหลีกเลี่ยงสาเหตุหรือปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการไมเกรน ถ้ารู้ตัวว่า สภาวะใดที่จะก่อให้เกิดอาการปวดหัว ให้พยายามหลีกเลี่ยงเช่น ภาวะเครียด เมื่อร่างกายและจิต

บำบัดมะเร็งแบบธรรมชาติ…มะเร็ง

  บำบัดมะเร็งแบบธรรมชาติ…มะเร็ง ข้อมูลที่ไม่ควรพลาด แชร์ข้อมูลนี้ ให้กับผู้อื่นต่อไปให้มากที่สุดที่คุณจะทำได้ การป้องกันและรักษาตนเองให้หายจากมะเร็ง เป็นสิ่งที่ง่ายดายเสียจนแทบจะเป็นเรื่องตลกอย่างเหลือเชื่อ ดร.ชนิสา อรรถจินดา Chanisa Arthachinda, Ph.D.   มะเร็ง คือ ธรรมชาติของการปรับตัวของเซลล์ อันเนื่องมาจากการที่เลือดของเรา กลายเป็นพิษเกินกว่าที่เซลล์จะมีชีวิตต่อไปได้ ถ้าหากเซลล์เหล่านั้นไม่ปรับตัว เซลล์เหล่านั้นจะป่วยและตาย เซลล์เหล่านั้นจึงตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยการผ่าเหล่า เพราะเซลล์ในร่างกายมนุษย์มีความสามารถที่จะปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลง การปรับตัวของเซลล์จึงเป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติ เป็นที่น่าเสียดายว่าคุณหมอทั่วโลกบอกกับเราว่าวิธีการรักษามะเร็ง คือ การบำบัดด้วยคีโมหรือการทำลายเซลล์มะเร็งด้วยรังสี แต่สิ่งที่คุณหมอไม่ได้บอกเราคือทำไมเซลล์มะเร็งจึงผ่าเหล่าตั้งแต่แรก? อย่างไรก็ตาม เมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปเซลล์อีกจำนวนมาก ก็จะผ่าเหล่าต่อไปอีกไม่เร็วก็ช้า นั่นเป็นสาเหตุที่เราพบเห็นผู้ป่วยมะเร็งถูกให้คีโมดีขึ้นเพียงชั่วคราวแล้วกลับทรุดลงไปใหม่อีก จากมุมมองของเซลล์หากมันไม่ผ่าเหล่ามันจะต้องตาย การผ่าเหล่าของเซลล์จึ

รางจืด หน้าตาธรรมดา คุณค่ามหาศาล

รางจืด…เป็นสมุนไพรชนิดเดียวที่มีการใช้แก้พิษในอดีต และเชื่อถือในสรรพคุณได้ด้วยข้อมูลการวิจัย โดยเป็นสมุนไพรที่มีการศึกษาวิจัยทั้งในห้องทดลอง และศึกษาในกลุ่มตัวอย่างมากว่า 30 ปีแล้วพบว่า  

บัวบก ยาดีหาง่าย บำรุงได้ตั้งแต่สมองจรดเท้า

บัวบกกับผลการศึกษาวิจัย จากงานศึกษาวิจัยเกี่ยวกับบัวบก พบว่ามีฤทธิ์ในการบำรุงสมองเช่นเดียวกับแปะก๊วย กล่าวคือ เพิ่มความสามารถในการจดจำและการเรียนรู้ จนมีการจดสิทธิบัตรสารสกัดจากบัวบกในคุณสมบัติช่วยเพิ่มความสามารถในการจำ การทดลองในสัตว์ทดลองพบว่า บัวบกทำให้ลูกหนูมีความจำและความสามารถในการเรียนรู้ดีขึ้น ทำให้เซลล์สมองของหนูแรกเกิดมีพัฒนาการดีกว่าหนูในกลุ่มควบคุม ปฏิภาณไหวพริบในการหลบหลีกสิ่งกีดขวางของหนูดีขึ้น และยังช่วยเพิ่มสมาธิ ความสามารถในการตัดสินใจเฉพาะหน้าในหนูอีกด้วย ส่วนการศึกษาในมนุษย์พบว่า เด็กพิเศษที่กินบัวบกวันละ 500 มิลลิกรัมติดต่อกัน 3 เดือน จะมีความสามารถเรียนรู้ได้ดีกว่ากลุ่มควบคุม นอกจากนี้ยังมีการศึกษาเรื่องการเพิ่มความจำในผู้สูงอายุ โดยให้รับประทานสารสกัดบัวบก 750 มิลลิกรัมต่อวัน นาน 2 เดือน พบว่า ความจำ การเรียนรู้ และอารมณ์ของคนสูงอายุดีขึ้นกว่าเดิม และการวิจัยในผู้หญิงอายุเฉลี่ย 33 ปี ที่ได้รับสารสกัดบัวบก 500 มิลลิกรัม วันนละ 2 ครั้ง พบว่าช่วยลดความผิดปกติที่เกิดจากความกังวล ลดความเครียดและการซึมเศร้า การศึกษาในระดับเซลล์ถึงกลไกการออกฤทธิ์บำรุงสมองพบว่า บัวบกทำให้การหายใจในระดับเซลล์สมองดีขึ้น ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการเสื่อมของเซลล์สมอง คงสภาพปริมาณของ

  สมอไทย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Terminalia chebula Retz. จัดอยู่ในวงศ์ COMBRETACEAE เป็นพันธุ์ไม้ที่พบขึ้นอยู่ทั่วไปตามป่าเบญจพรรณแล้งและชื้นในภาคต่างๆของประเทศ เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ผลัดใบ สูง 15-25 เมตร ผลสมอไทยจะรูปร่างป้อมๆ หรือรูปกระสวย มีเนื้อเยื่อหนาหุ้มเมล็ดซึ่งมีเมล็ดเดียวแข็งๆ ผลโต 2-3 ซ.ม. และยาว 3-4 ซ.ม. มีพูหรือเหลี่ยมตามยาวตัวผล 5 พู ผลแก่สีเขียวอมเหลือง แต่พอแห้งจะเปลี่ยนเป็นสีดำ

น้ำนมดีต่อผิวอย่างไร?

น้ำนม อาหารที่มีประโยชน์ที่จะช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตแข็งแรง ซึ่งก็เชื่อว่าสาว ๆ หลายคนก็ชอบดื่มนมเพื่อบำรุงสุขภาพกันอยู่แล้ว แต่รู้หรือไม่ว่า นอกจากการที่สาว ๆ จะดื่มนมเพื่อสุขภาพแล้ว ก็ยังสามารถหยิบมาบำรุงให้ผิวสวยได้อีกด้วย  บำรุงผิวให้นุ่มเหมือนก้นเด็ก รู้หรือไม่ว่า น้ำนมสามารถนำมาทำความสะอาดผิวหน้า เพื่อให้ผิวเนียนนุ่มน่าสัมผัสได้ด้วย แค่เพียงนำสำลีก้อนกลมมาจุ่มในนมสด แล้วนำมาเช็ดหน้าเบา ๆ แค่นี้ผิวหน้าก็จะนุ่มเนียนขึ้นและทำให้รูขุมขนสะอาดสดชื่นมากกว่าเดิมด้วย ปรับให้ผิวกระจ่างใส ในน้ำนมอุดมไปด้วยกรดแลคติก ที่สามารถช่วยให้ผิวสว่างกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น ซึ่งคุณสามารถนำนมผสมกับแป้งหรือน้ำมะขามเปียก แล้วนำมาพอกทิ้งไว้บนหน้าประมาณ 10-15 นาทีค่อยล้างออก นอกจากนี้คุณยังสามารถนำนมสดมาผสมกับมะนาวและน้ำผึ้ง เพื่อพอกหน้าให้ได้ทั้งความกระจ่างใสและความชุ่มชื้นควบคู่ไปพร้อม ๆ กัน ช่วยต่อต้านริ้วรอย นมสดอุดมไปด้วยไบโอตินและวิตามินมากมาย ที่จะช่วยเพิ่มคอลลาเจนในผิวและช่วยให้ผิวดูกระชับขึ้น อีกทั

น้ำผึ้งดีต่อผิวอย่างไร?